ไม่ว่าใครจะเป็นสายกิจกรรมมหาลัย สายแบรนด์เสื้อผ้าอินดี้ หรือสายอยากทำของขวัญให้แก๊งเพื่อนซี้ ก็คงเคยมีช่วงหนึ่งที่ความคิดว่า “ทำเสื้อทีมกันมั้ย?” ผุดขึ้นมาแบบฟ้าผ่า และแน่นอน คำถามแรกที่หลายคนจะเจอ (หลังจากเพื่อนถามว่าเราจะออกตังค์กี่บาท) ก็คือ “จ้างสกรีนเสื้อต้องมีขั้นต่ำไหม?” บอกเลยว่า คำถามนี้ไม่มีคำตอบเดียว มันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยพอ ๆ กับการเลือกของขวัญให้แฟนที่บอกว่า “อะไรก็ได้” แต่มาดูแบบเจาะลึกกันเลยว่า โลกของการสกรีนเสื้อมันมีขั้นต่ำจริงไหม แล้วเราจะเลี่ยงยังไงไม่ให้ต้องสั่งทีเดียว 100 ตัวจนเงินในบัญชีร้องไห้
ขั้นต่ำของการสกรีนเสื้อคืออะไร แล้วทำไมต้องมีขั้นต่ำ?
ถ้าคุณกำลัง จ้างสกรีนเสื้อ ก่อนอื่นเลย เราต้องเข้าใจคำว่า “ขั้นต่ำ” ในที่นี้ หมายถึงจำนวนเสื้อต่ำสุดที่ร้านยอมรับสกรีนให้เรา เช่น บางร้านบอกว่า ต้องขั้นต่ำ 30 ตัว ถึงจะรับงาน บางร้านอาจจะ 10 ตัว หรือบางร้านถึงขั้น “ตัวเดียวก็ทำ แต่ราคาเอาเรื่องนะพี่!” ซึ่งขั้นต่ำตรงนี้ มันไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งผู้บริโภคแต่อย่างใด มันมีเหตุผลทางธุรกิจที่สมเหตุสมผล (และสมราคาสินค้า) เพราะการ สกรีนเสื้อ มันมีค่าใช้จ่ายคงที่ เช่น ค่าทำบล็อก ค่าเซ็ตเครื่อง ค่าลงสี ค่าแรงคนสกรีน ฯลฯ ซึ่งไม่ว่าจะทำเสื้อตัวเดียวหรือ 100 ตัว เขาก็ต้องเสียค่าทำบล็อกเท่าเดิม ดังนั้น ถ้าคุณสั่งแค่ตัวเดียว ค่าบล็อกที่ควรหารกัน 100 ตัว ก็จะมาตกอยู่ที่ตัวเดียว โอเคไหมว่ามันจะต้องแพงเป็นธรรมดา และนั่นแหละ คือสาเหตุว่าทำไมร้านต้องมีขั้นต่ำ เพื่อให้ราคาต่อหน่วยมันสมเหตุสมผลทั้งสำหรับร้านและลูกค้า
สกรีนแบบไหนบ้างที่มีขั้นต่ำ และแบบไหนที่ยืดหยุ่นกว่า?
คำตอบสั้น ๆ คือ “แล้วแต่ประเภทการพิมพ์” ซึ่งในวงการนี้ มีหลายเทคนิคการพิมพ์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย เช่น
การสกรีนบล็อก (Silkscreen)
นี่คือวิธีคลาสสิกที่สุด ตำนานความยิ่งใหญ่ของวงการเสื้อทีม เพราะสีสด ทน ใช้ได้นาน และราคาถูกเมื่อสั่งเยอะ แต่ข้อเสียคือ ต้องทำบล็อกก่อน ถ้าลายเยอะ บล็อกก็เยอะ ค่าก็พุ่งขึ้น ดังนั้นร้านมักจะตั้งขั้นต่ำไว้ที่ 20 ตัวขึ้นไป เพราะถ้าน้อยกว่านั้น ไม่คุ้มค่าบล็อกเลยจริง ๆ นะพูดเลย
การพิมพ์ดิจิทัล DTG (Direct to Garment)
สมัยนี้มีเครื่องพิมพ์เสื้อแบบดิจิทัลที่เหมือนเอาปริ๊นเตอร์ไปวางบนเสื้อแล้วปริ๊นลงไปได้เลย! ข้อดีคือ ไม่มีบล็อก ไม่ต้องทำเพลต ไม่จำกัดสี พิมพ์ลายละเอียดเยอะ ๆ ก็ไหว ดังนั้นจึงเหมาะกับงานจำนวนน้อย หรือสั่งตัวเดียวก็ทำได้ (แต่ราคาก็จะสูงกว่าแบบบล็อกแน่นอน)
การใช้ฟิล์ม Flex/Flock/Heat Transfer
แบบนี้คล้าย ๆ การรีดลายลงเสื้อ โดยใช้เครื่องตัดฟิล์มหรือพิมพ์ลายแล้วรีดด้วยความร้อน เหมาะกับงานที่ต้องการลายคม สีไม่มาก และจำนวนไม่เยอะนัก ข้อดีคือราคากลาง ๆ มีขั้นต่ำบ้างแต่ไม่โหด ส่วนข้อเสียคือไม่ทนเท่าการสกรีนบล็อก
Sublimation (การพิมพ์แบบระเหิด)
ใช้กับผ้าสีอ่อนและเนื้อโพลีเอสเตอร์เท่านั้น ข้อดีคือลายชัดเหมือนรูปถ่าย ไม่หลุดลอก แต่ข้อเสียคือใช้ได้กับเนื้อผ้าจำกัดเท่านั้น
แล้วถ้าฉันอยากได้แค่เสื้อเดียวล่ะ ต้องทำยังไง?
ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางออกนะพี่น้อง! มีหลายร้านที่เปิดให้สั่งสกรีนแบบไม่มีขั้นต่ำจริง ๆ โดยใช้เทคโนโลยีที่ไม่ต้องทำบล็อก เช่น DTG หรือ Heat Transfer ซึ่งทำได้ตัวเดียวจริง ๆ แต่ว่า ราคาก็จะอยู่ที่ประมาณ 300–500 บาทต่อตัว หรือแพงกว่านั้น ถ้าเลือกลายใหญ่ ๆ หรือผ้าเนื้อดี ๆ บางร้านยังมีบริการออนไลน์ให้ลูกค้าออกแบบลายเองแล้วสั่งได้เลย ง่ายเหมือนสั่งพิซซ่าออนไลน์ แต่ส่งช้ากว่าพิซซ่านิดหน่อยนะ
อีกวิธีคือหารกับเพื่อน ถ้าสั่งเยอะขึ้น ราคาต่อหน่วยก็จะถูกลง อย่าคิดว่า 10 ตัวจะเยอะ บางทีแค่จับมือกับญาติ ๆ เพื่อน ๆ ในกลุ่ม Line ก็กดสั่งกันได้แล้ว หรือไม่ก็ใช้แบบสำเร็จที่ทางร้านมีลายอยู่แล้ว ก็จะไม่ต้องเสียค่าบล็อกอะไรเพิ่ม
ทำไมร้านถึงไม่อยากรับงานจำนวนน้อย?
คำตอบสั้น ๆ อีกครั้ง เพราะมัน “ไม่คุ้ม” และบางทีมัน “วุ่นวายมากกว่าได้กำไร” ลองคิดตามดูว่าถ้าร้านหนึ่งต้องเสียเวลาตั้งเครื่อง เซ็ตสี ทำบล็อก ปรับอุณหภูมิ หรือพิมพ์แบบพิเศษให้เสื้อตัวเดียว ทั้งที่ราคาขายอาจจะไม่ถึง 300 บาท ร้านก็จะต้องแบกรับต้นทุนทั้งเครื่องมือ เวลา และแรงงาน ซึ่งบางทีมันเอาเวลานั้นไปทำงาน 50 ตัวให้ลูกค้ารายใหญ่ ยังจะคุ้มกว่า นอกจากนี้ร้านบางร้านก็มีความยุ่งยากในการจัดการวัสดุ เช่น สีบางชนิดต้องใช้ทีละมาก ๆ เปิดฝาแล้วเก็บไม่ได้ หรือผ้าที่ใช้ต้องสั่งล็อตใหญ่ ดังนั้นร้านจึงมักจะมี “เกณฑ์ขั้นต่ำ” ไว้ เพื่อไม่ให้ธุรกิจขาดทุนจากงานเล็ก ๆ
แล้วถ้าเราฝืนจะทำตัวเดียวจริง ๆ มันจะเจออะไรบ้าง?
คุณอาจจะเจอกับคำว่า “ราคาเริ่มต้น 500 บาทนะครับ” ซึ่งฟังดูเหมือนราคาเสื้อ Supreme แต่จริง ๆ แล้วเป็นค่าทุกอย่างรวมกันที่ไม่มีคนแชร์ด้วยนั่นเอง อีกอย่างคือลายอาจจะถูกจำกัด เช่น ต้องไม่ใหญ่เกินไป ต้องใช้แค่ 1-2 สี หรืออาจจะต้องใช้ผ้าร้านเท่านั้น เพราะถ้าคุณเอาผ้าเอง ร้านอาจไม่กล้ารับความเสี่ยงว่าถ้าสกรีนพลาดแล้วจะไม่มีของเปลี่ยนให้
แถมร้านบางที่อาจไม่รับแก้ลายหรือปรับสีให้มาก เพราะถือว่าเป็นงานด่วน งานพิเศษ ซึ่งต่างจากการรับสกรีนล็อตใหญ่ที่เขาสามารถมีขั้นตอนตรวจสอบหลายรอบได้
เคล็ดลับการเจรจากับร้านสกรีนให้ได้ดีแม้สั่งน้อย
- พูดดี มีชัยไปกว่าครึ่ง เข้าใจร้านก่อน พูดแบบเป็นมิตร อย่าเข้าไปแบบ “ทำตัวเดียวได้ไหม ไม่เอาแพงนะ” เพราะร้านจะเปิดโหมดป้องกันภัยทันที
- มีแบบชัดเจน ออกแบบลายมาเรียบร้อย หรือใช้โปรแกรมของร้านถ้ามี จะช่วยให้ร้านรู้ว่าคุณจริงจัง
- ไม่เร่ง ไม่กดดัน งานน้อย ร้านอาจรับถ้ามีเวลา แต่ถ้าคุณเร่งไป 3 วันต้องได้ ของด่วนแบบนี้ร้านอาจจะขอบาย
- ถามแบบนอบน้อม บางร้านไม่มีโปรโมทไว้แต่รับทำอยู่แล้ว ถ้าถามดี ๆ เขาอาจบอกว่ามีช่วงเวลารับงานน้อย
ถ้าจำเป็นต้องสั่งเยอะ แล้วจะทำยังไงให้ไม่เปลือง?
วิธีคลาสสิกที่ได้ผลคือ “หาพรรคพวก” จะเป็นเพื่อนร่วมคลาส ลูกทีมกีฬา หรือแม้แต่กลุ่มแฟนคลับ K-POP ก็ได้ ยิ่งเยอะ ยิ่งดี ราคาต่อหน่วยยิ่งลด สุดท้ายคือ คิดให้รอบคอบก่อนสั่ง เช่น ลายเดียวหลายไซต์ หรือสีเสื้อเดียวกันเพื่อให้การสกรีนง่ายขึ้น และอย่าลืมถามร้านว่า มีโปรโมชั่นหรือส่วนลดไหมสำหรับงาน 20–50 ตัว เพราะบางร้านให้ดีลพิเศษโดยไม่ต้องต่อด้วยซ้ำ
สรุป จ้างสกรีนเสื้อต้องมีขั้นต่ำไหม? แล้วเราควรเริ่มยังไงดี?
คำตอบคือ “บางทีก็มี บางทีก็ไม่มี” แล้วแต่ว่าคุณเลือกสกรีนแบบไหน ร้านไหน และความซับซ้อนของลาย เพราะถ้าคุณสกรีนแบบที่ต้องใช้เครื่องมือเยอะ ขั้นตอนมาก ก็มักจะมีขั้นต่ำเป็นธรรมดา แต่ถ้าใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ไม่ต้องใช้บล็อก เช่น DTG หรือ Heat Transfer ก็สามารถทำจำนวนน้อยได้ ทางที่ดีที่สุดคือเริ่มจากการเข้าใจตัวเองก่อนว่าเราต้องการอะไร ต้องการกี่ตัว ใช้ลายแบบไหน จากนั้นลองติดต่อร้านหลายแห่ง ขอใบเสนอราคา แล้วเปรียบเทียบเงื่อนไข อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจจากแค่ราคาถูกที่สุด เพราะบางทีถูกตอนนี้ แต่คุณอาจเสียใจตอนรับของก็ได้นะ