SEO สายขาว หรือ White Hat SEO คือการทำให้เว็บไซต์ติดอันดับผลการค้นหาโดยไม่ละเมิดกฎระเบียบและนโยบายของเครื่องมือค้นหา ซึ่งจะเป็นการเน้นที่คุณภาพของเว็บไซต์ เช่น การเรียบเรียงเนื้องหาให้อ่านง่าย ไม่ copy เนื้อหาของผู้อื่นมาลงเว็บไซต์ของตนเอง, การสร้าง backlink ที่มีคุณภาพบนเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ เป็นต้น วิธีการดังกล่าวถือเป็น SEO สายขาวที่จะช่วยให้ bot ของเครื่องมือค้นหาอ่านและแสดงผลบนหน้าค้นหาได้ง่ายขึ้น
สำหรับการทำ SEO สายขาวอาจใช้เวลาพอสมควร แต่จะเป็นผลดีระยะยาวต่อเว็บไซต์ โดยปกติแล้วการทำ SEO สายขาว จะใช้เวลาในการทำให้ติดอันดับอยู่ที่ 6 – 12 เดือน แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับหลาย ๆ ปัจจัย เพราะบางเว็บไซต์อาจจะติดอันได้ภายใน 3 เดือน เนื่องจากมีคู่แข่งทางธุรกิจด้านออนไลน์ที่น้อย หรือ เว็บไซต์ของคุณอาจเคยทำ SEO สายขาว หรือ เว็บไซต์ของคุณมีการวางโครงสร้าง SEO ตั้งแต่ขั้นตอนสร้างเว็บไซต์ ที่จะทำให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับจากการทำ SEO สายขาวได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
วิธีการทำ SEO สายขาว
1.หาคีย์เวิร์ด (Keyword Research)
ใช้เครื่องมือวิจัยคีย์เวิร์ด เช่น Google Keyword Planner, Ahrefs หรือ SEMrush เพื่อค้นหาคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องและมีปริมาณการค้นหาสูง
2.ปรับแต่งหน้าเว็บ (On-Page SEO)
- ใช้คีย์เวิร์ดอย่างเหมาะสม ใส่คีย์เวิร์ดในตำแหน่งสำคัญ เช่น หัวข้อ (Title), คำอธิบาย (Meta Description), หัวข้อย่อย (Headers), และเนื้อหา (Content)
- เพิ่มคุณค่าให้กับเนื้อหา สร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าและตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ เช่น การเขียนบทความที่มีรายละเอียด, การใช้รูปภาพและวิดีโอ
- ปรับปรุงความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ ใช้เครื่องมืออย่าง Google PageSpeed Insights เพื่อวิเคราะห์และปรับปรุงความเร็วในการโหลดเว็บไซต์
- ออกแบบที่ตอบสนอง (Responsive Design) ให้แน่ใจว่าเว็บไซต์สามารถทำงานได้ดีบนทุกอุปกรณ์ รวมถึงโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ต
- สร้างเนื้อหาคุณภาพ (Content Creation)เขียนบทความที่มีคุณภาพ สร้างเนื้อหาที่เป็นประโยชน์, น่าสนใจ, และมีข้อมูลที่เชื่อถือได้
- ใช้ภาพและวิดีโอ เพิ่มภาพ, วิดีโอ, หรืออินโฟกราฟิกที่เกี่ยวข้องเพื่อเพิ่มความน่าสนใจและเข้าใจง่าย
3.สร้างลิงก์ย้อนกลับ (Backlinks)
- สร้างลิงก์จากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ มุ่งเน้นการสร้างลิงก์จากเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือและเกี่ยวข้องกับเนื้อหาของคุณ
- เขียนบทความเชิงโฮสต์ (Guest Blogging) เขียนบทความสำหรับบล็อกหรือเว็บไซต์อื่นเพื่อสร้างลิงก์ย้อนกลับและขยายการเข้าถึง
4.ใช้โซเชียลมีเดีย (Social Media)
- โปรโมตเนื้อหาผ่านโซเชียลมีเดียใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเพื่อแชร์เนื้อหาและดึงดูดผู้เข้าชม
- สร้างความสัมพันธ์กับผู้ใช้ ตอบคำถามและมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดีย
- ติดตามและวิเคราะห์ผลลัพธ์ (Monitoring and Analytics)
- ใช้ Google Analytics ติดตามการเข้าชมเว็บไซต์, อัตราการตีกลับ (Bounce Rate), และพฤติกรรมของผู้ใช้
- ใช้ Google Search Console ตรวจสอบประสิทธิภาพของเว็บไซต์ในผลการค้นหา, ตรวจสอบปัญหาด้าน SEO และการจัดอันดับคีย์เวิร์ด
5.ปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง (Continuous Improvement)
การปรับปรุงเนื้อหาและกลยุทธ์ ทบทวนและปรับปรุงเนื้อหาและกลยุทธ์ SEO ตามข้อมูลและข้อเสนอแนะ
การติดตามการเปลี่ยนแปลงของอัลกอริธึม อัพเดทตามการเปลี่ยนแปลงของอัลกอริธึมของเครื่องมือค้นหาเพื่อรักษาการจัดอันดับ